ซาหวัดดีทุกคนนนนนนนน

ขอบคุงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่เข้ามาเยี่ยมบล็อกน้า=^ ^=

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2551

นิสิตใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันอะไรบ้าง

ใช้สืบค้นหาความรู้ต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ เช่นการเรียน หรือทำงานเป็นต้น หรือใช้ติดต่อสื่อสารจากที่ไกลๆ ใช้เป็นเครื่องบันเทิงเช่นฟังเพลงหรือเล่นเกม หรือเพื่ออับเดตความรู้ใหม่ๆให้กับตัวเรา เพื่อเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ




ทั้งหมดทำในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 23.00 - 23.30 น.

VLSI สำคัญต่อคอมพิวเตอร์อย่างไร


ยุคต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ ยุคที่ 1 (1945 - 1958) -ใช้หลอดสูญญากาศ ความต้านทาน Capacitor และ สวิทช์ ในยุคนั้นคอมพิวเตอร์ใช้คำนวณค่าในตารางการยิงปืนใหญ่ ใช้ภาษาเครื่องจักร ใช้กำลังไฟฟ้ามาก ยุคที่ 2 (1958 - 1964) - ใช้ Transistor เป็นวงจรหลักของระบบคอมพิวเตอร์ ใช้ภาษาระดับสูง มีการคำนวณทางคณิตศาสตร์แบบFloating point ยุคที่ 3 (1964 - 1974) -เริ่มใช้วงจรรวม ( Integrated circuit) มีหน่วยความจำเป็นแบบ Semi conductor ขนาดของคอมพิวเตอร ์จึงมีขนาดเล็กลง ยุคที่ 4 (1974 - ปัจจุบัน) - ใช้เทคโนโลยี VLSI ประยุกต์ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น ในยุคนี้ขนาดของคอมพิวเตอร์จะมีขนาดเล็กลงมาก ยุคที่ 5 (ปัจจุบัน - ????) - VLSI,ULSI ,Parallel System , Intelligence คาดว่าในยุคนี้จะเป็นยุคของปัญญาประดิษฐ์ การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์จะทำงานแบบขนานกันไป มีความเร็วในการประมวลผลสูงมาก
ยุคที่ 5 VLSI
ความหมายย่อมาจาก very large scale integration (แปลว่า วงจรรวมความจุสูงมาก) หมายถึงการสร้างชิป (chip) โดยสามารถนำประตู (gate) มารวมกันได้ถึง 100,000 ประตูหรือมากกว่านั้น แล้วนำมาใช้เป็นตัวประมวลผล ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงได้มาก ในปัจจุบัน มีการสร้างชิปที่มีประตูมากยิ่งไป กว่านั้น เรียกว่า ULSI ( ultra largscaleintegraton หรือวงจรรวมความจุสูงยิ่ง)จากวงจรไอซีได้มีการพัฒนาวงจรรวมความจุสูงหรือแอลเอสไอ (Large Scale Integrated Circuit : LSI) ขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2513 ทำให้สามารถบรรจุวงจรทรานซิสเตอร์จำนวนหลายพันตัวลงบนแผ่นซิลิคอนขนาด 1/6 ตารางนิ้ว นับเป็นการเริ่มยุคที่สี่ของคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ระหว่าง พ.ศ.2513 – 2532 และในปี พ.ศ. 2518 สามารถเพิ่มปริมาณวงจรหลายหมื่นวงจรลงบนซิลิคอนขนาดเท่าเดิม เรียกว่า วงจรรวมความจุสูงมากหรือวีแอลเอสไอ (Very Large Scale Integrated Circuit : VLSI) จากการประดิษฐ์วีแอลเอสไอสามารถนำมาสร้างเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู (Central Processing Unit : CPU) ของคอมพิวเตอร์ และสามารถลดขนาดของคอมพิวเตอร์ให้เล็กลงจนสามารถตั้งบนโต๊ะทำงานในสำนักงาน หรือพกพาไปในที่ต่างๆ เหมือนกระเป๋าหิ้วได้ เรียกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกิดในยุคนี้ว่าไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) นอกจากนี้ ยังสามารถนำวงจรวีแอลเอสไอมาสร้างเป็นหน่วยความจำรองที่สามารถเก็บข้อมูลในระหว่างที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ ทำให้ได้หน่วยความจำที่มีความจุมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ยุคนี้จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนคอมพิวเตอร์นอกจากช่วยงานคำนวณแล้วยังสามารถทำงานเฉพาะทางอื่นๆ ได้มากกว่าช่วยงานคำนวณ เช่น การนำเสนอข้อมูลแบบสื่อประสม

ที่มาจาก http://www.kanmuang.org

ข้อมูลและสารสนเทศแตกต่างกันอย่างไร

ข้อมูลและสารสนเทศแตกต่างกันอย่างไร


ข้อมูล (data) คือ ข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดของสิ่งที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้อาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ตัวเลข ข้อความ ภาพ เสียง และ วิดีทัศน์ ดังนั้นการเก็บข้อมูลจึงเป็นการเก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจนั่นเอง ข้อมูล จึงหมายถึงตัวแทนของข้อเท็จจริง หรือความเป็นไปของสิ่งที่เราสนใจ นั่นเอง


สารสนเทศ (information) หมายถึง ข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะได้ผ่านการประมวลผลด้วยวิธีการที่เหมาะสมและถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ อยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้งานได้ และจะต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น เมื่อต้องการสารสนเทศไปใช้ในการวางแผนการขาย สารสนเทศที่ต้องการก็ควรจะเป็นรายงานสรุปยอดการขายแต่ละเดือนในปีที่ผ่านมาที่เพียงพอแก่การตัดสินใจ
ดังนั้นความแตกต่างของข้อมูลและสารสนเทศก็คือข้อมูลเป็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ประมวลผลและยังนำไปใช้ไม่ได้ ส่วนสารสนเทศก็คือข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลโดยวิธีกรต่างๆ เช่นการนำมาจัดเรียง การผ่านสูตรคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ การหาผลเฉลี่ย เป็นต้น แล้วและสามารถนำไปใช้ในประโยชน์ได้นั้นเอง



ที่มาจาก ใบความรู้จากมัธยมศึกษาปีที่6

คอมพิวเตอร์แบบฝังคืออะไร




คอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer )
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฝังในอุปกรณ์ต่าง ๆ นิยมนำมาใช้ทำงาน เฉพาะด้าน พิจารณาจากภายนอกจะไม่เห็นว่าเป็นคอมพิวเตอร์แต่จะ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของอุปกรณ์นั้นๆ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น







ที่มาจาก http://www.tp.th.gs/web-t/p/index3.htm

คอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท

ประเภทของคอมพิวเตอร์


คอมพิวเตอร์สามารถจำแนกได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของขนาดเครื่องความเร็วในการประมวลผล และราคาเป็นข้อพิจารณาหลัก โดยทั่วไปนิยมจำแนกประเภท คอมพิวเตอร์ เป็น 6 ประเภทดังนี้คือ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer) คอมพิวเตอร์เมนเฟรม (mainframe computer) มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer) เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (server computer ) ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) และคอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด จึงราคาแพงมาก ความสามารถในการประมวลผลที่ทำได้มากกว่า พันล้านคำสั่งต่อวินาที ตัวอย่างการใช้งานคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น การพยากรณ์อากาศการทดสอบทางอวกาศ และงานอื่น ๆ ที่มีการคำนวณที่ซับซ้อน

คอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (mainframe computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรองจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ สามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน ประมวลผลด้วยความเร็วสูง มีหน่วยความจำหลักขนาดใหญ่ ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก คอมพิวเตอร์เมนเฟรม นิยมใช้กับองค์การขนาดใหญ่ที่มีการเข้าถึง ข้อมูลของผู้ใช้จำนวน มากในเวลาเดียวกันเช่น งานธนาคาร การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียนและการตรวจสอบผลการเรียน ของนักศึกษา เป็นต้น








มินิคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง (minicomputer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยกว่า เมนเฟรมแต่สูงกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ และสามารถรองรับการทำงาน จากผู้ใช้ได้หลายคนในการทำงาน ที่แตกต่างกัน จากจุดเริ่มต้นใน การพัฒนา ที่ต้องการให้ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ทำงานเฉพาะอย่าง เช่น การคำนวณทางด้านวิศวกรรม ทำให้การพัฒนามินิคอมพิวเตอร์ เจริญอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันธุรกิจและองค์การหลายประเภทนิยมนำ มินิคอมพิวเตอร์มา ใช้ในการให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้า เช่น การจองห้องพักของโรงแรม การทำงานด้านบัญชีขององค์การธุรกิจ เป็นต้น







เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (server computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่สนับสนุนการทำงานของคอมพิวเตอร์ เครือข่ายซึ่งใช้ในการจัดสรรและใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น แฟ้มข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ( เช่น เครื่องพิมพ์แลอุปกรณ์อื่น ๆ )








ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีผู้นิยมใช้แพร่หลายมากที่สุด ส่งผลให้การพัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มีลักษณะและรูปแบบ ที่แตกต่างกัน เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ( desktop computer ) คอมพิวเตอร์พกพา ( portable computer ) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้











คอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer )
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฝังในอุปกรณ์ต่าง ๆ นิยมนำมาใช้ทำงาน เฉพาะด้าน พิจารณาจากภายนอกจะไม่เห็นว่าเป็นคอมพิวเตอร์แต่จะ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของอุปกรณ์นั้นๆ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น













ที่มาจาก http://www.tp.th.gs/web-t/p/index3.htm

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ข่าวที่2 หัวข้อ โน้ตบุ๊กเครื่องที่สอง?

ยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้บริโภคต้องการโน้ตบุ๊กที่สามารถติดตัว เพื่อใช้งานได้ในทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็น นักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน้ตบุ๊กขนาดกะทัดรัด สามารถตอบโจทย์รูปแบบการเรียนรู้ในปัจจุบัน ตลอดจนนักธุรกิจ SMEs ที่ต้องการความคล่องตัวในการสื่อสาร และนำเสนองานกับลูกค้า คำตอบสุดท้ายก็คือ โน้๊ตบุ๊กเครื่องที่สองที่มีขนาดกะทัดรัด ในราคาย่อมเยา แตใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังสามารถถ่ายโอนข้อมูลกับโน้ตบุ๊กเครื่องแรกได้อย่างง่ายดา ยอีกด้วย
หลายคนคงไม่มีใครปฏิเสธว่า โน้ตบุ๊กยิ่งมีขนาดเล็กเท่าไร มักจะยิ่งมีราคาสูงขึ้นเท่านั้น ในขณะที่ประสิทธิภาพก็ไม่เท่ากับเครื่องที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งในท้ายที่สุดผู้บริโภคที่เลือกใช้โน้ตบุ๊กขนาดเล็ก มักจะลงเอยด้วยการมองหาเดสก์ทอป หรือโน้ตบุ๊กที่มีขนาดใหญ่กว่าไว้ทำงานหลักอยู่ดี



















แต่ด้วยเทคโนโลยี CPU รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันที่มีประสิทธภาพมากขึ้น ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง แถมยังมีราคาที่ไม่สูงมากนัก โดยเฉพาะรุ่นที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์การสร้างโน้ตบุ๊กที่มีขนาดเล็ก ซึ่งหมายถึงโน้ตบุ๊กเครื่องที่สองที่สะดวกพกพาติดตัว ใช้งานได้นาน และทุกที่ที่ต้องการ ในขณะที่สามารถทำงานร่วมกับโน้ตบุ๊กเครื่องหลักได้อีกด้วย พบกับคำตอบโน้ตบุ๊กเครื่องที่สองผู้บริโภคต้องการได้ในงาน COMMART X’Gen 2008 วันที่ 12-15 มิถุนายน ณ.ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์





ที่มาจาก http://www.arip.co.th/2006/news.php?id=407470
ข่าวที่1 หัวข้อ อินเทลพร้อมปั้น อะตอม เจาะรากหญ้า

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า อินเทลพร้อมนำผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์สายพันธุ์ใหม่ ภายใต้ชื่อ เน็ตบุ๊ก และเน็ตท็อป ที่ผลิตขึ้นจากหน่วยประมวลผล (ซีพียู) อะตอม ซึ่งทำให้เครื่องพีซีและโน้ตบุ๊กมีขนาดเล็กลง และมีราคาอยู่ในระดับ 1 หมื่นต้นๆ ออกสู่ตลาด

ทั้งนี้ จะเน้นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการซื้อพีซีโน้ตบุ๊ก ใช้เป็นเครื่องแรก รวมถึงกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการซื้อเป็นเครื่องที่ 2 ด้วยคุณสมบัติเครื่องสามารถใช้งานได้ทั้งโปรแกรมเบื้องต้น และยังสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายไร้สายได้

“หากตลาดตอบรับดีจะทำให้ปริมาณการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอ ร์ในไทยเพิ่มขึ้นจาก 15% ของจำนวนประชากรทั้งหมดเป็น 20% ในเร็วๆ นี้” หลังจากนี้จะได้เห็นผู้ผลิตพีซี ทั้งเอเซอร์ อัสซุส เดลล์ และ ผู้ประกอบการไทย นำเน็ตบุ๊กและเน็ตท็อปทยอยออกมาจำหน่ายในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ ซึ่ง อินเทล มั่นใจว่าพีซีโน้ตบุ๊กที่ผลิตขึ้นจากซีพียูอะตอมจะทำให้กว่า 100 ล้านคนทั่วโลกที่ไม่เคยคิดจะ ซื้อพีซีโน้ตบุ๊กจะหันมาซื้อเน็ตบุ๊กและเน็ตท็อปมากขึ้น

อินเทลยังมีแผนนำโน้ตบุ๊กขนาดเล็ก “คลาสเมท พีซี” เข้ามาทำตลาดไทยด้วย โดยแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย 3 ราย ได้แก่ สุพรีม เอสวีโอเอ และซินเนค พร้อมกับนำเสนอคลาสเมท พีซี ที่ใช้ซีพียูอะตอม และซีพียูเซอเลรอน ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาในโครงการคอมพิวเตอร์นักเรียน 1 ล้านเครื่อง


ที่มาจาก http://www.arip.co.th/2006/news.php?id=407468